Tuesday, 29 April 2014

น้อยๆหน่อย


เรื่องต่อไปนี้ เป็นเรื่องจินตณาการณ์ ที่คนออสเตรเลียชอบอำคนนิวซีแลนด์

 

เอามาให้อ่านกันสนุกๆ อย่าไปคิดมาก ..ว่ากันว่า คนนิวซีแลนด์ ส่วนมาก จะนิสัยดีทั้งนั้น น่าจะเป็นเพราะว่า สิ่งแวดล้อมสวยงาม การทำมาหากินไม่ฝืดเคือง ทำให้คนมี อัธยาสัยดี  

 

 

 

Foreign customs
                            An Aussie arrived in New Zealand] on holidays, hired a car and set off for the countryside.
                        On the way to an isolated part of the South Island, he looked out the window to see a farmer humping
a sheep by the roadside.
                  Deeply horrified, he pulled over at the next pub and ordered a scotch to calm his nerves.
                Just as he was about to throw it back, he noticed a one-legged man sitting at the bar with his cock out, masturbating furiously while grinning like a madman!
             “For fuck’s sake!” spluttered the tourist.

 

             “What’s going on in this crazy country? I’ve only been here one hour, and I’ve seen someone having sex with a sheep. Now there’s a one-legged man wanking in a public bar!”
             “Hey, take it easy, matey!” says the barman. “You can’t expect a fella with only one leg to catch a sheep!”

 

 

 

...................................................................................................

 

 

 

 

 

 

 

Foreign customs วัฒนธรรมของต่างชาติ
                            An Aussie arrived ออสเตรเลี่ยนคนนึงไปถึง

 

in New Zealand  นิวซีแลนด์

 

on holidays, ไปพักร้อน

 

hired a car  เช่ารถ

 

and set off for แล้วก็ขับออกไป

 

the countryside. ตามชนบท

 


                        On the way to ระหว่างทางที่จะไป

 

an isolated part  ที่ๆไม่มีคน

 

of the South Island, ซึ่งอยู่ทางใต้ของเกาะ

 

he looked out the window  เขามองออกไปนอกหน้าต่าง

 

 to see a farmer  ก็แลเห็นชาวนา

 

 humping a sheep  กำลังขโยกแกะ

 

by the roadside. อยู่ข้างทาง
                  Deeply horrified,  ตกใจสุดขีด

 

 he pulled over  แวะจอดรถ

 

at the next pub ที่ผับข้างหน้า

 

and ordered แล้วก็สั่ง

 

a scotch วิสกี้ สก๊อตมาแก้วนึง

 

to calm his nerves. เพื่อระงับความตื่นเต้น
                Just as he was  เกือบๆที่เขา

 

 about to throw it back, จะตัดใจได้

 

he noticed  ก็เหลือบไปเห็น

 

a one-legged man ชายขาด้วนข้างเดียว

 

sitting at the bar  อยู่ที่ บาร์

 

with his cock out,  ไอ้จู๋ ห้อยออกมา

 

 masturbating furiously กำลังสําเร็จความใคร่อยู่อย่างเมามัน

 

 while grinning แสยะยิ้ม

 

like a madman! แบบคนเสียสติ
             “For fuck’s sake!” อันนี้ เป็นคำสบถ  ( ฝรั่งเรียกว่า Exclamation angry น่าจะเป็นพูดผิดมากกว่า น่าจะเป็น For Christ's sake เหมือนคุณพระช่วยกล้วยทอด อะไรทำนองนั้น )  

 

spluttered the tourist. โพล่งออกมาจากปากนักท่องเที่ยว ( sputtered แปลว่า ขณะะที่เรากําลังทดลองเคมี ผสมลงไปมันก็ระเบิด คลุ้งออกมา)

 

             “What’s going on  มันเกิดอะไรขึ้น

 

in this crazy country?  กับประเทศบ้าๆนี้วะ

 

 I’ve only been here one hour,  กูมาถึงนี่ได้แค่ชั่วโมงเดียว

 

 and I’ve seen someone  กูก็เห็นคน

 

 having sex มีเซ๊กซ์

 

with a sheep. กับแกะ

 

Now there’s  ดูซิ เนี๊ยะ

 

a one-legged man คนขาด้วน

 

wanking in a public bar!”  กระตุกว่าวในร้านเหล้าสาธาณะ
             “Hey, take it easy, matey!” เฮ๊ย...น้อยๆหน่อยนะเพื่อน

 

says the barman. บารเทนเดอร์พูดขึ้น

 

 “You can’t expect  มึงคิดอย่างนั้นไม่ได้

 

a fella with only one leg  ที่จะให้คนขาเดียว

 

 to catch a sheep!” วิ่งตามแกะให้ทันงั้นหรือ

 

 

 

 

 

 

 

 

Saturday, 26 April 2014

hopalong


Medical mystery
              Two medical students were at lunch when they saw an old man hobbling down the road with a bow-legged
step. JD bragged to Turk, “Look at that old bloke. He has an obvious case of Hopalong Syndrome. Sufferers walk just like that.”
                     Turk disagreed: “No, he has all the symptoms of Gimpy’s Syndrome. We did a case study on this last week.”
                      Finally, to settle the argument, they decided to stop the old man and find out for certain.
                      The geezer wheezed, “I’ll tell you, but first I’d like to know what you two fine medical students think.”
JD said, “Sir, I believe you must suffer from Hopalong Syndrome.”
                                        The old man replied, “You thought, but you are wrong.”
                                    Turk crowed triumphantly, “I told you, JD! I was right! So you have Gimpy’s Syndrome, mate!”
                      The old man shook his head and said, “You thought, but you are wrong.”
                       Irritated, JD and Turk demanded, “Well, what do you have?”
                   The old guy cackled, “I thought it was just a fart, but I was wrong, too!”
 

 

 

 

....................................................................................................................................................

 

 

 

Medical mystery เรื่องลึกลับทางการแพทย์
              Two medical students  นักศึกษาแพทย์สองคน

 

were at lunch  กำลังนั่งกินมื้อเที่ยงกันอยู่

 

when they saw ก็เหลือบไปเห็น

 

an old man  ตาแก่

 

hobbling เดินท่าทางลำบากยากเย็น

 

down the road มาตามถนน

 

with a bow-legged step.ในลักษณะก้าวย่างขาโก่ง

 

 JD bragged to Turk,  ไอ้เจดี ก็คุยเขื่องขึ้นมากับ เติร์ก

 

 “Look at that old bloke.  ดูตาแก่นั่นดิ

 

 He has an obvious case  เห็นได้ชัดเลยว่า เป็นอาการของ

 

 of Hopalong Syndrome.  โรค กระโดดสองขาแบบกระต่ายหรือ จิงโจ้

 

Sufferers walk just like that.”   เดินลำบากลำบนแบบนั้น
                        Turk disagreed:  เติรก ไม่เห็นด้วย

 

“No, he has all the symptoms ไม่ใช่หรอก แกมีอาการทุกอย่าง เข้าลักษณะ

 

of Gimpy’s Syndrome. โรคขาเสีย ( คนไทยเรียกว่า ขาเดี้ยง)

 

We did a case study  เราเรียนเรื่องนี้

 

 on this last week.”  เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
                      Finally, สุดท้าย

 

to settle the argument, ก็ตกลงเรื่องที่เถียงกันได้

 

they decided  โดยตัดสินใจ

 

to stop the old man เรียก ตาแก่ให้หยุดเพื่อถาม

 

and find out for certain. เพื่อให้รู้แน่ไปเลย
                      The geezer wheezed,  เฒ่าที่เดินกระย่องกระแย่ง ก็พูดขึ้นมาแบบหืดขึ้นคอ

 

“I’ll tell you,  เอาละ กูบอกมึงก็ได้

 

 but first I’d like to know  แต่ ก่อนที่จะบอก กูอยากรู้ว่า

 

 what you two fine  medical students think.” อะไร ที่ นักเรียนแพทย์สุดเจ๋งอย่างมึงสองคน คิดว่ากูเป็นอะไร

 


JD said, เจดี ก็บอกว่า

 

“Sir, คุณปู่ครับ

 

I believe you must ผมเชื่อว่า คุณปู่ จะต้อง

 

 suffer from Hopalong Syndrome.”  เป็นโรค กระโดดสองขา
       The old man replied, ตาแก่ก็บอกว่า

 

“You thought, มึงคิดแบบนั้น

 

but you are wrong.” แต่ว่ามันผิด
                     Turk crowed triumphantly, เติร์ก แสดงอาการลําพองในชัยชนะ ( crowed คำนี้แปลว่าขันเหมือนไอ้โต๊งที่ตีชนะ )

 

 “I told you, JD!  กูบอกมึงแล้ว เจดี

 

 I was right! ว่ากูพูดถูก

 

So you have Gimpy’s Syndrome, mate!”  ตกลง ลุงเป็นโรคขาเสียใช่มั๊ย
                      The old man shook his head  เฒ่า ส่ายหัว

 

and said, แล้วก็บอกว่า

 

“You thought, มึงคิดแบบนั้น

 

but you are wrong.”  แต่ก็ผิดอีกนั่นแหละ
                       Irritated, ชักหงุดหงิด

 

JD and Turk demanded,  ทั้งเจดี ทั้งเติรก ก็เลยตั้งคำถาม

 

 “Well, what do you have?”  เอาละ ถ้างั้น คุณปู่เป็นอะไรแน่
                   The old guy cackled, ตาแก่หัวเราะ เคี๊ยกๆ

 

“I thought it was just a fart,  กูก็คิดว่ามันเป็นแค่ลม ( ดันมีนํ้ามีเนื้อออกมาด้วย)

 

 but I was wrong, too!” สรุปแล้ว กูก็คิดผิดเหมือนพวกมึงนั่นแหละ

 

 

 

 

 

 

Wednesday, 23 April 2014

Integration


Integration                

 

     เห็นนักวิชาการไทย แปล คำว่า Integration ว่าบูณาการ แล้ว ผมใจคอไม่ค่อยดี เพราะ กลัวจะกลายเป็น ตาบอดคลำช้าง ไปเจองวงเข้า บอกว่า ช้างเหมือนงู ...พาเด็กพาเล็ก ขยาดภาษาอังกฤษไปเลยเพราะ นักวิชาการบางคน ในสมองคิดแต่ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากๆ  เหมือนจะกีดกันไม่ให้คนอื่นเรียน

                       เอาง่ายๆเลย คำว่าบูรณาการ แยกออกมาได้ว่า คือบูรณะ คือ ซ่อมแซม บวกกับการ คือการซ่อมแซมสิ่งที่มันสลักหักพัง น่าจะตรงกับคำว่า reconstruction แต่นักวิชากการไทย บอกว่าคือการ ช่วยเหลืออย่างสมบูรณ์แบบ ..ยิ่งมายิ่งห่าง คือคนชักสับสนว่า มันจะเอายังไงแน่ แล้ว มันไปมีความหมายเป็น Integration ตรงใหน ...... ( ยกตัวอย่างวัด ราษฏร์บูรณะ แสดงว่าการบูรณะวัดมาจากประชาชน )

.เด็กนักเรียนทำได้ดีที่สุดคือ อาจารย์ว่าอะไร ก็ต้องว่าไปตามนั้น

 

                     พูดตรงๆเลยว่าคำๆนี้ ฝรั่งไม่ค่อยใช้กันเท่าใหร่ ในหนังสือพิมพ์ หรือ ในชีวิตประจำวัน ไม่มีใครพูดใครใช้กัน แต่นักวิชาการไทยใช้กันฟุ้งไปหมด เหมือนโชว์ฟอร์ม ว่า ถ้าใครไม่ใช้ ไม่ ใช่ Intellectual  หรือคนมีความรู้สูงมั๊กๆ

                     คำๆนี้มีความหมายหลายอย่าง ที่แปลเป็นไทยได้ยาก แต่ ถ้าแปลออกมาว่า บูณณาการ ถือว่า เอาผีมาหลอกเด็ก คือทำให้ขยาดภาอังกฤษไปเลย

                     ความหมายหลักๆของคำๆนี้ ถ้าอยากให้เด็กจำง่ายๆ ต้องยกตัวอย่างมาตั้งแต่สมัยจิ๋นซี ฮ่องเต้ ที่ลงโทษนักโทษ ที่เป็นศัตรู ด้วยวิธี ห้าม้าแยกร่าง

Chariot-tearing (Che Lie )

Also known as "5 horses tearing the body" (
马分尸). Simply tie each rope onto the head, the two hands, and two legs of the prisoner. Then connect 5 ropes to 5 horses or chariots respectively. Allow 5 horses to gallop away in 5 different directions, and thereby tearing a person's body into 6 parts.

Chariot-tearing (Che Lie ) แชเหรียต แปลว่ารถม้า tearing แปลว่า ฉีกขาด

Also known as หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า

 "5 horses tearing the body" ห้าม้าแยกร่าง

(马分尸). Simply tie each rope onto the head, ทำง่ายๆ คือเอาเชือกผูกหัว

 the two hands, ผูกแขน ทั้งสองข้าง

and two legs of the prisoner. ผูกขาทั้งสองข้าง ของนักโทษ

Then connect 5 ropes to เอาเชือกทั้งห้าเส้นไปผูก

5 horses or chariots respectively.   ม้าห้าตัวหรือรถม้าห้าคัน

 Allow แล้วก็ให้

5 horses to gallop away ม้าทั้งห้าตัว เดินออกไป

 in 5 different directions, ในทิศทางต่างกัน ห้าทิศ

and thereby  และแล้ว

 tearing a person's body into 6 parts.  ก็แยกร่าง ออกเป็นหกชิ้น ( น่าจะเป็นห้าชิ้น ถ้าไม่นับเครื่องใน)

คำว่า tearing คำนี้ ถ้าเป็นสมัยนี้ จะใช้คำว่า Disintegration  คือ แยกร่าง dis ไปอยู่หน้าคำใหนคือไม่ดีทั้งนั้น เช่น disable ก็คือคนพิการ

หรืออีกตัวอย่างหนึ่งคือ ในหนังสตาร์วอร์ รีเทิร์น อ๊อฟ เดาะเจได....นี่คือตัวอย่างบทสนทนา

since our master got angry  with our last protocol droid

 and disintegrated him. ... Star Wars Episode VI: Return of the Jedi .

 

since our master got angry  ตั้งแต่เจ้านายเราโมโห

with our last protocol droid  โปรโตคอล ดรอย ตัวสุดท้าย ( โปรโตคอล ดรอย ในหนังเรื่องนี้ ก็คือหุ่นยนต์ที่ออกแบบมาให้เป็นล่าม เป็นคนเจรจา นักการทูต  ไม่ใช่ทหาร รบไม่เป็น ไม่มีใครทำร้ายปานนั้น )

and disintegrated him. ... แล้วก็เลย แยกร่างมัน

( ยังจำตอนที่ ดรอย โดน ก้อนเหล็กสีแดงๆกดไปที่เท้า เสียงดังฉ่า แล้วร้องว่าโนๆๆ )

 Star Wars Episode VI: Return of the Jedi . มาจากสตาร์วอร์ เอปปิโสต โฟร์ รีเทิร์น อ๊ฟฟ เดอะเจได



สรุปแล้ว ข้อใหญ่ใจความของความหมายที่ฝรั่งเจตนาให้เข้าใจคือ องคาพยพ หรือร่างกาย เฉพาะในที่นี้ 

        ในสมัยปี 1960 ที่มีการแยกโรงเรียนระหว่างคนผิดขาวกับคนผิวดำ  Integration ถูกนำมาใช้กับ Demographic เรื่องเกี่ยวกับชาติพันธ์มนุษย์ กลุ่มคน เช่นคนผิวดำ ก็คือ หนึ่งใน demographic คือ Integration School  คือ โรงเรียนที่คนผิดดำกับคนขาวเรียนร่วมกัน แตกต่างตรงกันข้ามกับ Segregration School คือโรงเรียนแยกผิว

        ความที่มันเป็นคำ เก๋ไก๋ พวกช่างอีเลคโตรนิค เอามาใช้กับ วงจรอีเลคโตรนิค เรียกว่า Integration System คือรวมวงจรเล็กๆน้อยเข้าด้วยกัน
                           ผมว่าแค่นี้พอก่อน เพราะยาวไป ยิ่งทำให้คนไม่อยากเรียนภาษา จําไม่ใหว เดี๋ยวจะเหมือนนักวิชาการไทยที่ หวังดี ประสงค์ร้ายต่อเด็กไทยทุกวันนี้ ....อย่าทำเรื่องยากให้มันยากขึ้นไปอีก ต้องทำเรื่องยากให้มันง่าย น่าเรียน
 

 

 



 

 

 

Sunday, 20 April 2014

พอลพต


เกร็ดเล็กน้อย ที่เกี่ยวกับ การฆ่าล้างเผ่าพันธ์ในเขมร

 

Killing Field

Well, Pol Pot rounded up
anyone he thought was an
intellectual, and had them
executed. Absolutely true,
100,000 of them. And how he told whether someone was intellectual or not was whether they wore glasses. If they’re that clever, take them off
when they see him coming.

.....................................................................................................................

 

Killing Field ทุ่งสังหาร

Well, อึมม....

Pol Pot  พอลพต

rounded up anyone  จับคนมารวมกัน

he thought คนที่เค้าคิดว่า

 was an intellectual,  พวกนี้คือปัญญาชน

and had them executed. แล้วก็สั่งประหารพวกนี้ทิ้งหมด

Absolutely true, นี่คือเรื่องจริงที่สุด
100,000 of them.
ทั้งหมดประมาณแสนนึง

And how he told whether และสิ่งที่บ่งบอกว่าใช่หรือ

someone was intellectual ว่าใคร คือปัญญาชน

or not หรือไม่ใช่ปัญญาชน

was whether  คือ

 they wore glasses. ดูที่พวกเขาใส่แว่นตา

If they’re that clever, ว่ากันว่า ถ้าพวกนี้ เป็นคนฉลาดจริง

take them off น่าจะถอดมันออก
when they see him coming.
 เมื่อเห็นพอลพตมา



 

 

Friday, 18 April 2014

selfish



Totally Shellfish Act

A bloke loses his wife in a scuba- diving accident. The next day, he’s at home, taking calls from relatives and planning the
funeral, when the police
knock on the door.
“Sir,” they say. ‘Sorry to disturb you.

 We have some bad news... and some good news.”
The bloke doesn’t know
what can possibly be worse than his wife being dead, but he steels himself and asks the cops for the bdd news.
“We found your wife’s body in the bay,” says the cop “It was quite badly decomposed. and when we brought it up, there were still three lobsters and about 20 blue swimmer crabs attached to it. I’m very sorry.”
Shuddering from the mental image. the bloke swallows and nods. “What’s the good news?”
“Well,” says the cop, “We put her down there again, and we’ve brought you back dinner.”
  

........................................................................................................................




Totally Shellfish Act


totally แปลว่าล้วนๆเลย  shellfish แปลว่า สัตว์นํ้าที่มีเปลือก act ก็คือการกระทำ...ในที่นี้คือ เรื่องเป็นการกระทำที่เกี่ยวข้องกับพวกกุ้งปูล้วนๆ อย่างอื่นไม่เกี่ยว.


....นี่คือการเล่นคำ ประโยคล้อเลียน totally selfish act ที่แปลว่า เป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวอย่างสุดๆ  ที่ศาลชอบใช้ เวลาตัดสินคนทำผิดกฏหมาย


 


A bloke หนุ่มคนหนึ่ง


 loses his wife สูญเสียภรรยา


 in a scuba- diving accident. ไปในอุบัติเหตุ การดำนํ้า แบบมนุษย์กบ


The next day, วันต่อมา


 he’s at home, เขาอยู่ที่บ้าน


taking calls from รอรับโทรศัพท์จาก


relatives ญาติ


 and planning the funeral, และก็วางแผนจัดงานศพ


when the police เมื่อตำรวจ
knock on the door.
มาเคาะประตู
“Sir,” they say.
 คุณ.... ตำรวจบอก


 ‘Sorry to disturb you. เราต้องขอโทษด้วยที่รบกวน


 We have some bad news... and some good news.” เรามีข่าวดีและข่าวร้ายมาบอก
The bloke doesn’t know
 ไอ้หนุ่มก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่า
what can possibly be worse
อะไรที่มันจะแย่


than his wife being dead, ไปกว่าเมียตาย


but he steels himself  แต่ก็พยายามทำใจให้เข้มแข็ง


and asks the cops แล้วก็ถามตำรวจ


 for the bad news. ว่าอะไร คือข่าวร้าย
“We found your wife’s body
เราพบศพภรรยาคุณ


in the bay,” ในอ่าว


says the cop ตำรวจบอก


“It was quite badly decomposed.  ศพเน่าเละไปหมด


and when we brought it up, ตอนเรายกศพขึ้นมา


there were still three lobsters มีล๊อบสเตอร์ สามตัวติดมา


and about 20 blue swimmer crabs แล้วก็มี ปูทะเลยี่สิบตัว


 attached to it. ติดมาด้วย


I’m very sorry.” ผมขอแสดงความเสียใจมาก
Shuddering
 สยองขวัญ ( ตัวสั่นเทาเลย)


from the mental image. จากจิณตนาการณ์


 the bloke swallows ไอ้หนุ่ม กลํ้ากลืนรับไว้


and nods. พร้อมกับพยักหน้า


 “What’s the good news?” แล้วข่าวดีละมันคืออะไร
“Well,” says the cop,
คือว่า...อย่างนี้นะ... ตำรวจพูด


“We put her down there again, เราเอาศพกลับคืนที่เดิมอีก


and we’ve brought you back dinner.”  เราเอา อาหารมื้อเย็นมาฝากคุณแทน







 







 

Thursday, 17 April 2014

สูญเสียระบบการรับฟัง


ติดธุระหลายวัน วันนี้เอาเรื่องเบาๆ หวาดเสียวนิดๆ แต่เป็นการทดลองทางแพทย์ มาเรียนศัพท์กัน

Toad you so
              An Irish scientist is doing some experiments on a frog. He removes one leg at a time, and tells the frog to jump. After the fourth leg, he tells the frog to jump and, of course, it doesn’t. “Hmm, it’s curious,” he muses.

 “Losing all legs affects their hearing...”

 

..................................................................................................................................................

 

Toad you so โท๊ดตัวนี้ก็คือคางคกนั่นเอง ประโยคนี้ล้อเลียนมาจาก  I told you so หรือกูบอกมึงแล้ว ( มึงดันไม่เชื่อกรู)
                                 An Irish scientist  นักวิทยาศาสตร์ ชาวไอริช

( คนไอริชโดนเอามาเป็นโจ๊กมากที่สุด เพราะ ว่าซื่อบื้อที่สุด เค้าว่า ...แต่ความจริงไม่ใช่ คนไอริช คือคนซื่อที่สุด ถ้าเราดูภาพยนต์ เรื่อง The Quiet Man สร้างในปี คศ 1952 ที่แสดงโดย จอนเวนย์ กับมัวรีน โอฮาร่า ซึ่งเป็นภาพยนต์ ที่สวยที่สุด ( เวลาดาวน์โหลด ต้องเลือกที่ไม่ต่ากว่า 4GBหรือ บลูเรย์ ) ...เราจะได้ทั้งความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับคนไอริช ทั้งขนบธรรมเนียม ประเพณี ความเถรตรง อะไรหลายอย่าง ดูแล้วมีความสุข สำหรับคนที่ชอบเรียนภาษา อังกฤษ ต้องพยายามดูหลายๆครั้ง เพื่อให้เข้าใจซาบซึ้งในด้านภาษา สังเกตุ หน้าตา การแสดงออก แบ๊คกราวน์  เป็นภาพยนต์ ที่สร้างโดย อัจฉริยะรุ่นเก่าๆ รายละเอียดทุกอย่างดีมาก )

is doing กำลังทำ
some experiments การทดลองบางอย่าง

on a frog. เกี่ยวกับกบ

He removes one leg at a time, เขาตัดขามันทีละข้าง

and tells the frog to jump. แล้วก็บอกให้มันกระโดด

After the fourth leg, จนถึงขาข้างที่สี่

 he tells เขาก็บอก

the frog กบ

to jump ให้กระโดด

and, of course, และแล้ว ก็อย่างว่านั่นแหละ

it doesn’t. มันไม่ยอมกระโดด

 “Hmm, อึมมม

it’s curious,”   มันแปลกน่าสนใจนะ

he muses. เขารำพึงกับตัวเอง

 “Losing all legs การสูญเสียขาทั้งหมดแบบนี้

affects มีผลกระทบ

their hearing...”  กับระบบประสาทการรับฟังของมัน

 

Friday, 4 April 2014

วิธีรักษาแบบถึงลูกถึงคน


Hands-on therapy
                     A MAN and his wife went to see a marriage counsellor. Each time the counsellor asked them a question, the wife would launch into a tirade about everything she thought her husband had ever done wrong, which had her hubby seething, but unable to get a word in.
                   Suddenly, the counsellor stood up, put his arms around the woman, and gave her a long, passionate kiss.
                 When he finished, the woman’s eyes were wide with shock, but she shut up and sat down on the couch, looking dazed. Her husband was astounded.

“There!” said the counsellor smugly, explaining to the husband, “You see? That is exactly what your wife needs, three times a week. Can you do that?
The man thought about it for a while. Finally, he said, “You’re asking a lot, mate. How about we compromise. I can drop her here Mondays and Wednesdays, but Fridays I go fishing!”

.......................................................................................................................

 

 


Hands-on therapy การรักษาแบบลงมือลงไม้ หรือรักษาแบบถึงลูกถึงคน


                     A MAN and his wife ชายคนหนึ่งและภรรยา

went to see ไปพบ

a marriage counsellor. ที่ปรึกษา เกี่ยวกับชีวิตครอบครัว

 Each time ทุกครั้ง

the counsellor  ที่ๆปรึกษา

 asked them a question, ถามคำถาม

 the wife would launch ภรรยาต้องของขึ้น

 into a tirade หัวฟัดหัวเหวี่ยง

about everything ในทุกเรื่อง

she thought her husband ที่หล่อนคิดว่าสามี

had ever done wrong, เป็นฝ่ายผิด

 which had her hubby seething, ซึ่งก็ทำให้สามีฉุนขาด

 but unable to get a word in. แต่ก็เถียงไม่ออก
                   Suddenly, ทันใดนั้น

the counsellor stood up, ผู้เชี่ยวชาญก็ลุกขึ้นยืน

put his arms around the woman, เอามือโอบกอดฝ่ายหญิง

and gave her a long, passionate kiss. แล้วก็จูบอยู่นานแบบดูดดื่ม ( passionate kiss = French Kiss คือลิ้นพันกันเหมือนงูรัด)
                 When he finished, เมื่อจูบเสร็จ

 the woman’s eyes ดวงตาของผู้หญิง

were wide with shock,  เหม่อลอยเหมือนช๊อค

but she shut up แต่ว่าหล่อนก็หลับตา

and sat down on the couch, แล้วก็นั่งลงบนโซฟา

 looking dazed. ด้วยอาการเหม่อลอย

Her husband was astounded. สามีก็งง

“There!”  นี่ไงละ

said the counsellor smugly, ที่ปรึกษาพูดขึ้นอย่างมั่นใจ ( Smugly = confident )

explaining to the husband, อธิบายให้ฝ่ายสามี

“You see?  คุณเห็นมั๊ย

 That is exactly นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นเจ๋งๆเลยว่า

what your wife needs, ภรรยาคุณต้องการไอ้นี่

three times a week. อาทิตย์ละสามครั้ง

Can you do that? ทำได้มั๊ย
The man thought ชายคนนั้น ครุ่นคิด

about it for a while. อยู่ครู่หนึ่ง

 Finally, he said, ในที่สุดก็บอกว่า

“You’re asking a lot, mate. คุณขอมากไป สหาย

 How about we compromise. เอางี้แล้วกัน เรามาตกลงกันแบบ ได้ประโยชน์ทั้งคู่ ( แบบไทยก็ต้องบอกว่า win win )

 I can drop her here ผมขับรถมาส่งเธอที่นี่

Mondays and Wednesdays, วันจันทร์กับวันพุธ

but Fridays I go fishing!”  ส่วนวันศุกร์ผมต้องไปตกปลา

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""