Friday, 28 October 2016

Bitter grill

เรื่องนี้มีศัพท์ดีๆลองอ่านดูว่าเข้าใจขนาดใหน
Bitter grill
A woman was working in the garden while her husband kicked back in a deckchair, drinking beer.
Watching his wife bending over, yanking out weeds, he snickered and called, ‘Hey, honey, your arse is getting bigger. I bet it’s almost as wide as the barbie.”
Ignoring the hurt look on his missus’ face, the man got a tape measure,
measured the grill, then placed the tape next to his wife’s bum.
“Yep!” he laughed. ‘Told you! Your butt’s the same size as the barbie!”
Naturally, the woman was so upset she refused to talk to her hubby for the rest of the day.
When it came time to go to bed that night, she rolled over and gave him the cold shoulder. He knew she was still angry but decided to try it on anyway.
Attempting to snuggle, the man whined, “Aw, how about it, darling? You wanna root?”
The wife turned and smiled sweetly, “Babe, you don’t think I’m going to fire up this big ol’ barbecue just for one little sausage, do you?” 

..............................................
Bitter grill 
บิ๊ตเตอร์แปลว่าขม กริลแปลว่าตะแกรง ในที่นี้แปลว่าเตาย่างของ หรือ เตาบาร์บีคิวนั่นเอง
A woman ผู้หญิงคนหนึ่ง
 was working กำลังทำงาน
in the garden ในสวน

while her husband ในขณะที่สามีของเธอ
 kicked back คิ๊ก แปลว่าเตะ คิ๊กเก็ด แปลว่าเตะแล้ว แบ๊คแปลว่ากลับ ในที่นี้ แปลว่า นั่งทอดหุ่ย ละเลงอารมณ์
 in a deckchair, ในเก้าอี้ผ้าใบที่อยู่บนยกพื้นหน้าบ้าน






drinking beer. ดื่มเบียร์
Watching
กำลังมอง
his wife ภรรยาของเขา
 bending over, โก่งโค้ง
yanking out ถอน
weeds, หญ้า
he snickered เขาหัวเราะเคี๊ยกๆ
and called, แล้วก็ร้องเรียก
 ‘Hey, honey, ฮันนี่แปลว่าน้าผึ้ง ในที่นี้แปลว่าที่รัก
 your arse ตูดของเธอ
is getting bigger.ใหญ่ขึ้นทุกวัน
 I bet ฉันกล้าพนันว่า
it’s almost มันเกือบจะ
 as wide as ใหญ่เท่ากับ
the barbie.” เตาบาร์บีคิว
(barbie บาร์บี้ ย่อมาจาก b b que ไม่ใช่ตุ๊กตาบาร์บี้)
Ignoring
ไม่สนใจ
the hurt look สีหน้าขมขื่นไม่พอใจ
on บน
his missus’ face, ใบหน้าของเมีย
 the man ชายคนนี้
got a tape measure, ได้เทปวัดขนาดมา
measured
วัด
the grill, เตาบาร์บีคิว
then จากนั้นก็
placed the tape เอาเทปไปเทียบ
next to เคียงกับ
 his wife’s bum. ตูดของเมียเค้า
“Yep!”
โป๊ะเชะ
he laughed. เขาหัวเราะ
‘Told you! บอกเธอแล้วมั๊ยละ
Your butt’s ตูดของเธอ
the same size มีขนาดเดียวกัน
as the barbie!” กับเตาบาร์บีคิวเลย
Naturally,
มันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
the woman ผู้หญิงคนนี้
 was so upset จะต้องโมโหมาก
she refused หล่อนไม่ยอม
 to talk to her hubby พูดกับสามี
for the rest of the day. ต่อมาตลอดทั้งวัน
When
จนกระทั่ง
it came time ถึงเวลา
to go to bed ที่จะต้องไปนอน
(go to bed ไปที่เตียง ก็คือไปนอน ไม่ใช่ไปนั่ง)
that night, ในคืนนั้น
she rolled over หล่อนพลิกตัว
and gave him the cold shoulder. แล้วก็หันหลังให้สามีอย่างเย็นชา
(cold shoulder แปลว่าใหล่เย็น  เป็นสำนวนว่าเย็นชา ไม่ใช่ซื่อไอสครีม )
 He knew เขารู้แล้ว
she was still angry หล่อนยังคงโกรธอยู่
but แต่ก็
decided to ตัดสินใจ
try it on ลองพยายามดู
anyway. เป็นไงเป็นกัน
Attempting to snuggle,
พยายามกอดเมีย
 the man whined, ไอ้หนุ่มคร่าครวญ
 “Aw, อ้า
how about it, ว่ายังไง
darling? ที่รัก
You wanna root?” เธออยากฝังรากมั๊ย
(root รู๊ต แปลว่ารากไม้..ในที่นี้คือปลูกต้นไม้บนเตียงนอน คล้ายๆกับปลูกป่าทำนองนั้น )
The wife turned
ภรรยาหันกลับมา
 and smiled sweetly, แล้วก็ยิ้มหวานแจ๋ว
 “Babe, ที่รัก
you don’t think เธอคงไม่คิดว่า
I’m going to ฉันจะ
fire up ก่อไฟ
this big ol’ barbecue เตาย่างบาร์บีคิว อันใหญ่เบ้อเริ่มนี้
big ol ย่อมาจาก big old เป็นสํานวนของคนใต้อเมริกัน )
just เพียงแค่
for one little sausage, ย่างใส้กรอกอันกะติ๊ดเดียว
 do you?” ใช่มั๊ยละเธอ
..............................................







Thursday, 27 October 2016

On the nose


,
On the nose
An old lady is riding the elevator in a very lavish New York City office building. A young woman, smelling like expensive perfume, gets into the elevator.
She turns to the old lady and boasts. Giorgio Beverly Hills, $100 an ounce!”
A couple of floors later, another young woman, smelling like expensive perfume. gets
In. She turns to the old lady and brags. Chanel No. 5, $150 an ounce!”
Three floors later. the od lady reaches her destination. As she exits the elevator, she peers at the others, bends over and farts, then bellows. Broccoli. 49 cents a kilo!from Coles supermarket.
................................................................
,
On the nose แปลว่าขึ้นจมูกก็ได้  เหมือนกินไวน์ กลิ่นจะหอมขึ้นจมูก...
แปลว่าแม่นยําก็ได้
AN OLD lady หญิงชราคนหนึ่ง

 is riding กําลังขึ้น
riding แปลว่ากําลังขับขี่ riding the bike แปลว่ากําลังขี่จักรยาน ในเรื่องนี้แปลว่า กําลังขึ้นลิฟท์)
the elevator ลิฟท์
(elevator = lift )
in ที่อยู่ใน
a very lavish New York City office building. ตึกสํานักงานที่สุดหรูในนิวยอร์ค
lavish ลาวิช แปลว่าสุดหรู)

A young woman, หญิงสาวคนหนึ่ง
smelling มีกลิ่นระเหยออกมา
like expensive perfume, เหมือนกลิ่นนํ้าหอมราคาแพง
 gets into เข้ามาใน
the elevator. ลิฟท์อันนี้
She turns to หล่อนหันมาทาง
 the old lady ยายแก่ วัตถุโบราณ
 and boasts. แล้วก็โอ่ว่า
Giorgio Beverly Hills, จิออจิโอ้ บีเวอรรี่อิลล์
 $100 an ounce!” ออนซ์นึงร้อยดอลล่า
A couple of floors ลิฟท์วิ่งผ่านไปสองสามชั้น

later, ต่อมา
another young woman, หญิงสาวอีกคนหนึ่ง
 smelling มีกลิ่นระเหยออกมา
like expensive perfume.เหมือนนํ้าหอมราคาแพง
 gets In. เข้ามาในลิฟท์
She turns to หล่อนหันมาทาง
the old lady หญิงชรา
and brags. แล้วก็คุยโอ่ว่า
brags แบร๊ก เท่ากับ boasts โบสต์)
Chanel No. 5, แชนแน๊ล นัมเบอร์ไฟท์
 $150 an ounce!” ออนซ์นึงร้อยห้าสิบเหรียญ
Three floors later. อีกสามชั้นผ่านไป
 the od lady  หญิงชรา 
reaches ก็มาถึง
her destination. 
จุดหมายปลายทางของหล่อน
As she exits ในขณะที่เธอกําลังเดินออกไป
the elevator, จากลิฟต์
she peers หล่อนมองจ้องเขม็ง
at the others, ไปที่สองคนนี้
bends over โก่งโค๊ง
and farts,แล้วก็ตด
 then bellows. จากนั้นก็แหกปากตะคอก
 Broccoli. บล๊อคเคอร์รี่
(บล๊อคเคอรรี่ คือผักที่ว่ากันว่ากินแล้วตดเหม็นที่สุด..แต่ตามหลักสากลแล้ว พวกที่ชอบดมตดตัวเองบอกว่าหอมอย่างประหลาด..คือว่าต่างคนต่างชอบไม่มีกฏเกณท์อะไร. )

49 cents a kilo! กิโลละสี่สิบเก้าเซ็นต์
from Coles supermarket. จากซุปเปอรมารเกตโคลส์







Tuesday, 18 October 2016

Girl can’t help it

       อย่างที่บอกไว้ ว่า พวกเราโดนวางยาเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษมานาน สิ่งที่พิสูจน์ได้ชัดเจนคือ เด็กฝรั่งสองขวบสามารถพูดภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องเปิดดิ๊กของ สอ เศรษฐบุตรแบบไทยๆ นั่นมาจากการเรียนแบบ animation หรือ การแสดงท่าทางให้เข้าใจความหมาย แบบใน Chu Chu TV ในยูทู๊ป หรืออ่านหนังสือนิทานนิยายแบบง่ายๆของเด็ก ที่มีเต็มไปหมดในห้องสมุดของประเทศฝรั่งที่มีเต็มไปหมดทุกหัวมุมถนน
        พ่อแม่ควรให้เด็กเรียนแบบAnimation ธรรมชาติในยูทู๊ป ก่อนที่จะถูกส่งเข้าโรงเรียนไปให้พวกอาจารย์ไทยผ่าตัดสมองจนบิดเบี้ยวไม่สามารถเรียนภาษาอังกฤษได้
...คุณจะมีความสุขแค่ใหน ถ้าสามารถดูหนังฝรั่งที่มันพูดกันเป็นภาษาฝรั่งรู้เรื่อง...เข้าใจ... อ่านหนังสือภาษาฝรั่งเข้าใจ พูดกับฝรั่งได้ ..เรียนเองนี่แหละดีที่สุด เปิดดิ๊กก็เปิดได้สารพัดในกูเกิ๊ล ภาษาฝรั่งเป็นฝรั่ง ถ้าไม่เข้าใจก็เปิดคําเหมือน หรือ คําที่มีความหมายคล้ายกันที่เรียกว่า  Synonym  พิมพ์ศัพท์ลงไป แล้วพิมพ์คํานี้ตามหลัง...เราจะเจอคําความหมายเหมือนกันที่เรารู้จัก หรือ เปิดศัพท์ที่มีความหมายตรงกันข้ามที่เรียกว่า antonym จนกว่าจะเจอและเข้าใจ ถ้าไม่รู้จริงๆ ก็ใส่เข้ามาที่ คอมเม๊นต์ก็ได้ หรือ อีเมล์มาก็ได้ ...แต่ไม่ใช่กูเกิ๊ลทานเสลดที่ คนไทยไปควบคุมอยู่ เอามาฆ่าเรา... 

Girl can’t help it The rescue team finds a crashed airplane. The lone survivor is Jenny Wilson the famous actress , and she’s chewing on a bone with a pile of human remains next to her. The rescuers are shocked.
“You can’t judge me for this. I had to
Survive,” she cries.
The leader of the rescue team says.
‘But Jesus Christ, Jenny . ..your plane only went down this morning!”
....................................................... 

Girl can’t help it วลีนี้มาจากชื่อเพลง แปลตรงตัวว่าสาวเจ้าไม่อยากทําแบบนี้แต่มันช่วยไม่ได้
The rescue team หน่วยช่วยเหลืออุบัติภัย
 finds ได้ไปเจอ
a crashed airplane. เครื่องบินที่ตกลําหนึ่ง
 The lone survivor คนที่รอดตายที่มีเพียงคนเดียว
is Jenny Wilson คือเจนนี่ วิลสัน
the  famous actress , นักแสดงสาวที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
 and และ
she’s chewing on a bone หล่อนกําลังแทะกระดูก
with a pile of human remains พร้อมๆกันก็มีกองเศษชิ้นส่วนมนุษย์
 next to her. อยู่ข้างๆเธอ
The rescuers พวกปอเต๊กตึ๊ง
are shocked. ถึงกับช๊อค
“You can’t judge me พวกคุณจะมาตัดสินฉันไม่ได้( ว่าดีหรือไม่ดี)
for this. ในเรื่องแบบนี้ 
I had to ฉันจําเป็นต้อง
Survive,” เอาชีวิตรอดไว้ก่อน

she cries. หล่อนแหกปากตระโกนเสียงหลง
The leader of the rescue team หัวหน้าหน่วยช่วยคน

says. บอกว่า
‘But แต่ว่า

Jesus Christ, จีซัส ไคร๊สต์ คําอุทานคํานี้ ไม่เกี่ยวกับพระเยซูแต่ประการใด แต่เป็นการแสดงความรู้สึก ในสมองที่แปลไปตามเหตุการณ์ ในกรณีนี้ จะแปลว่า ..นั่นมันตอแหลชัดๆ
Jenny นะเจนนี่
 . ..your plane เครื่องบินของเธอ
only went down เพิ่งจะตกหยกๆ
 this morning!” เมื่อเช้านี้เอง
....................................................... 
 

Friday, 14 October 2016

"Nuts to you !"

"Nuts to you !"
During camouflage training in Louisiana,
an army private 
— disguised as a tree trunk — makes a sudden move and spotted by
a visiting general.
“You fucking idiot!” roars the officer. “Don’t y
OU know that by jumping and yelling the way you did you could have endangered the lives of the entire company?”
“Yes, sir,” the soldier replies meekly, “but I had a good reason to move.”
“Oh really?” asks the general sarcastically. “And what reason might that be, soldier?”
“Well, sir,” the soldier says, “I did stand still when a flock of pigeons used me for target practice and I never moved a muscle when a large dog peed on my lower branches. But when two squirrels ran up my pants leg and I heard one say, ‘Let’s eat one now and save the other until winter’ ...well, that did it!” 

...........................................
"Nuts to you !"
นั๊ทแปลว่าถั่ว แปลว่าบ้าก็ได้ แปลว่าลูกพันธะหรือลูกกระแป๋งก็ได้
...วลีนี้ แปลว่า go away ไปให้พ้น หรือ drop dead ที่แปลว่า ไปตายที่ใหนก็ไป หรือมึงรีบไปตายไวๆซะ ถ้าไปอยู่กับความหมายดีๆ เช่น drop dead gorgoeus กอเจี๊ยส แปลว่า สวยน่าฟัด ดร๊อพเดด จะแปลว่า สุดยอด คือเห็นความงามของเธอแล้วหัวใจหลุดไปอยู่ตาตุ่มถึงตายเชียวนะนั่น 
During ระหว่าง
camouflage training การฝึกพรางตัว
(camouflage  เคมเมาฝลาจ แปลว่า พรางตัว ดูรูป 




 training )
in Louisiana, ในหลุยเซียน่า
an army private พลทหารคนหนึ่ง

— disguised พลางตัว
as a tree trunk เป็นต้นไม้ต้นหนึ่ง
makes a sudden move ได้ทําการเคลื่อนใหวพรวดพลาด
and spotted และได้ถูกสังเกตุเห็น
 by a visiting general. โดยนายพลคนหนึ่งที่มาเยี่ยมชมดูงานการฝึก
“You fucking idiot!”  ไอ้งั่งเอ๊ย

idiot อีเดียตแปลว่าโง่ fucking idiot ฟักกลิ้งอีเดียต แปลว่าโง่มาก ในที่นี้คือไอ้งั่งนั่นเอง)
roars the officer. นายพลคํารามเหมือนสิงห์โตผู้มีอํานาจ
 “Don’t yOU know that  มึงรู้มั๊ยว่านั่นนะว่า
 by jumping การกระโดดโหยงๆ
and yelling กับการแหกปากตระโกน
the way you did แบบที่มึงทําไปแล้ว
you could have มึงจะทําให้
endangered the lives เป็นอันตรายถึงตาย
of the entire company?” ให้กับกองทหารทั้งหมด
“Yes, sir,” รู้ครับท่าน

the soldier replies พลทหารตอบ
meekly, อย่างนอบน้อม
“but I had แต่ว่าผมมี
a good reason เหตุผลที่ดี
 to move.” ที่ต้องเคลื่อนใหว
“Oh really?” งั้นเหรอ

asks the general ท่านนายพลถามอย่าง
sarcastically. ตลกแห้งๆ( sarcastic ซาแค๊สติก แปลว่าอํา sarcastically แซแค๊สติกคั่ลลี่ แปลว่า อย่างอําๆ)
“And what reason แล้วก็เหตุผลอะไร
 might that be, ที่น่าจะเป็นแบบนั้นหรือ
soldier?” คุณทหาร
“Well, sir,” คือว่า อ้า อ้า อ้า อย่างนี้ครับท่าน

 the soldier says, พลทหารตอบ
“I did stand still ผมยืนเฉย
 when เมื่อ
a flock of pigeons ฝูงนกพิราป
 used me ใช้ผม
for target practice เป็นเป้าโจมตี
and I never และผมก็ไม่เคย
moved a muscle เคลื่อนใหวกล้ามเนื้อ
when a large dog อีตอนที่หมาตัวใหญ่
peed เยี่ยวรด
on my lower branches.บนกิ่งไม้อันที่อยู่ตํ่าที่ใช้พรางตัว  ( เยียวรดกิ่งไม้ อันที่อยู่ตํ่า เท่ากับเยี่ยวรดขานั่นเองเพราะมันอยู่ที่เดียวกัน )
 But แต่ว่า 
when two squirrels เมื่อกระรอกสองตัว
ran up วิ่งขึ้น
my pants leg ไปตามขากางเกงผม
and I และก็ผม
heard one say, ได้ยินตัวหนึ่งพูดว่า
‘Let’s eat one now เรามากินลูกนึงก่อน
and save และเก็บ
the other อีกลูกหนึ่ง
until winter’ จนกว่าจะถึงฤดูหนาว
...well, นี่แหละครับ
 that did it!” ที่ทําให้ผมต้องเคลื่อนใหว ( ...ตามทางสันนิษฐาน ของผู้เชี่ยวชาญ นักกระรอกวิทยา... ลูกอันทะของมนุษย์ ดูแล้วคล้ายกับเงาะแห้งๆ ที่กระรอกส่วนมากจะเข้าใจเอาผิดเอาง่ายๆ )

...........................................

Tuesday, 11 October 2016

Tiny problem

    เดอร์ตี้โจ๊กของฝรั่งก็คล้ายๆของไทย มาดูว่าเค้าใช้ศัพท์แบบใหนมาเล่า..อาจารย์ไทยที่ควบคุมดูแล กูเกิ๊ลทานเสลด มาเห็นเรื่องแบบนี้มักจะบอกว่าทลึ่งหยาบโลน แทนที่จะบอกว่า..เออดี ได้ความรู้ที่หายากเพิ่มขึ้น..อย่าไปสนใจคนพวกนี้ สมองแกมีชั้นเดียว..ขนาดเราเอา ประโยคที่ไม่มีในภาษาฝรั่งใส่ลงไปยังดันแปลได้ซะอีกอย่างไม่น่าเชื่อ ..ลองดูได้เลย เช่นประโยค talk go talk come not fall down แกแปลออกมาว่า พูดไปพูดมาไม่ล้มลงหรือไม่ตกลง ..ผมว่าคนไข้โรงพยาบาลศรีธัญญาหลายคน น่าจะมีต้นเหตุมาจากกูเกิ๊ลทานเสลดนี่เอง..อาจารย์บางคนเอา Acronym มาสอนออกยูทู๊ป ไม่รู้เอามาสอนทําใม มันมีในตําราตายตัวอยู่แล้ว เปิดเมื่อใหร่ก็หาได้ทันที แล้วก็ไม่รู้ว่าจะจําไปทําใมถ้าไม่ได้เอาไปสอบ  คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเล็กๆ เปิด Chu Chu TV ให้เด็กเล็กดู ให้ฝรั่งสอนเด็ก จะมีโอกาศเป็นภาษาอังกฤษ มากกว่าไม่ต้องไปเสียเงินเรียน ขัดข้องคําใหนประโยคใหน ต้องการคําอธิบาย เพราะภาษาอังกฤษ บางคําแปลโดดๆไม่ได้ต้องอธิบาย..เมล์มาถามผมได้เลยไม่ต้องเกรงใจที่ Joeslowwalker@Gmail.com 
A tiny problem Tommy had a very small penis and was nervous when he took his girlfriend to bed for the first time.
Embarrassed by his lack of size, he insisted on turning off the light. In the darkness, he put his erection in her hand.
His girlfriend replied, No thanks, love. I don’t smoke.” 
.......................................................................

A tiny problem ปัญหาที่จุ๋มจิ๋มมาก

Tommy had a very small penis ทอมมี่มีน้องชายที่ตัวเล็กมาก
and was nervous แล้วก็เกิดใจสั่น
 when he took เมื่อเขาพา
his girlfriend แฟนสาวของเขา
 to bed ไปเชือด
for the first time. เป็นครั้งแรก
Embarrassed เกิดความอาย

by his lack of size, ด้วยความขาดแคลนในขนาดของเขา
 he insisted on เขายืนยัน
  turning off (ว่าต้อง ) ปิด
 the light.ไฟ
 In the darkness, ในความมืด
he put his erection เขาเอาน้องชายที่กําลังตื่นเต้นเต็มที่วาง
in her hand. ลงไปในมือของหล่อน
His girlfriend replied, แฟนสาวตอบว่า
 No thanks, love. ไม่ต้องหรอก ขอบใจมาก ที่รัก
I don’t smoke.” ฉันไม่สูบบุหรี

Tuesday, 4 October 2016

Vincenzo Peruggia

             วันนี้ ไปเจอเรื่องนี้เข้าโดยบังเอิญ  น่าสนใจมาก เพราะไม่รู้มาก่อน เลยเอามาแปลให้ฟังกัน ..อาจจะเป็นความคิดสร้างสรรค์ที่ดี เพราะ วิกิพีเดียเป็นของฟรี นักวิชาการไทยควร เก็บ เอามาแปลแบบ ผ่าตัด หรือ surgery อย่างละเอียด เพื่อให้ความรู้เรื่องศัพท์ และเพลิดเพลินไปด้วย แทนที่จะสอนกูๆกาๆ ให้ท่องศัพท์ ที่ไม่รุ็ว่าเมื่อใหร่จะได้ใช้ ถึงเวลาไปเจอเข้า ก็จําไม่ได้ แปลออกมาก็ไม่ได้ใจความ พึ่งกูเกิ๊ลทานเสลดที่อาจารย์ไทยดูแล ก็เหมือนพึ่งอาจารย์ใบ้หวย ที่ผีเข้าผีออก ถูกบ้างไม่ถูกบ้าง พาออกทะเลอันดามันไปเลยก็มีมากมาย  

..สอนท่องไวยากรณ์ กิริยาสามช่องแปดช่อง ที่ยิ่งเรียนยิ่งโง่ จบมหาลัย ก็ยังไม่รู้เรื่อง 

Vincenzo Peruggia 


(October 8, 1881 – October 8, 1925) was an Italian thief, most famous for stealing the Mona Lisa on 21 August 1911. Born in Dumenza, Varese, Italy, he died in Saint-Maur-des-Fossés, France.
Theft
In 1911 Vincenzo Peruggia perpetrated what has been described as the greatest art theft of the 20th century. It was a police theory that the former Louvre worker hid inside the museum on Sunday, August 20, knowing that the museum would be closed the following day. But according to Peruggia's interrogation in Florence after his arrest, he entered the museum on Monday, August 21 around 7 am through the door where the other Louvre workers were entering. He said he wore one of the white worker's smocks that museum employees customarily wore and was indistinguishable from the other workers. When the Salon Carré where the Mona Lisa hung was empty, he lifted off the painting off the four iron pegs that secured it to the wall and took it to a nearby service staircase. There he removed the protective case and frame. Some people report that he concealed the painting (which Leonardo painted on wood) under his smock. But Peruggia was only 5'3" and the Mona Lisa measures approx. 21" x 30", so it would not fit under a smock worn by someone the size of Peruggia. Instead, he said that he took off his smock and wrapped it around the painting, tucked it under his arm and left the Louvre through the same door he entered. [4]
Vincenzo hid the painting in his apartment in Paris.[5] Supposedly, when police arrived to search his apartment and question him, they accepted his alibi that he had been working at a different location on the day of the theft.
      After keeping the painting hidden in a trunk in his apartment for two years, Peruggia returned to Italy with it. He kept it in his apartment in Florence but grew impatient and was finally caught when he contacted Alfredo Geri, the owner of an art gallery in Florence, Italy. Geri's story conflicts with Peruggia's, but it was clear that Peruggia expected a reward for returning the painting to what he regarded as its "homeland." Geri called in Giovanni Poggi, director of the Uffizi Gallery, who authenticated the painting. Poggi and Geri, after taking the painting for "safekeeping," informed the police, who arrested Peruggia at his hotel.
After its theft, the painting was exhibited all over Italy with banner headlines rejoicing its return and then returned to the Louvre in 1913. Peruggia was released from jail after a short time and served in the Italian army during World War I. He later married and had one daughter Celestina. He returned to France and continued to work as a painter decorator using his birth name Pietro Peruggia. He died on October 8, 1925 (his 44th birthday) in the town of Saint-Maur-des-Fossés, France. His death was not widely reported on by the media, with obituaries appearing mistakenly only when another Vincenzo Peruggia died in Haute-Savoie in 1947.

Motivations 

There are currently two predominant theories regarding the theft of the Mona Lisa.
Peruggia said he did it for a patriotic reason: he wanted to bring the painting back for display in Italy  "after it was stolen by Napoleon". Although perhaps sincere in his motive, Vincenzo may not have known that Leonardo da Vinci took this painting as a gift for Francis I when he moved to France to become a painter in his court during the 16th century, 250 years before Napoleon's birth.
Experts have also questioned the "patriotism" motive on the grounds that—were patriotism the true motive—Peruggia would have donated the painting to an Italian museum, rather than attempt to profit from its sale. The question of money is also confirmed by letters that Peruggia sent to his father after the theft. One December 22, 1911, four months after the theft, he wrote that Paris was where "I will make my fortune and that his (fortune) will arrive in one shot."  The following year (1912), he wrote "I am making a vow for you to live long and enjoy the prize that your son is about to realize for you and for all our family."
Put on trial, the court agreed to some extent that Peruggia committed his crime for patriotic reasons and gave him a lenient sentence. He was sent to jail for one year and fifteen days, but was hailed as a great patriot in Italy and served only seven months in jail.
Another theory emerged later. The theft may have been encouraged or masterminded by Eduardo de Valfierno, a con-man who had commissioned the French art forger Yves Chaudron to make copies of the painting so he could sell them as the missing original. The copies would have gone up in value if the original was stolen. This theory is based entirely on an article by former Hearst journalist Karl Decker in The Saturday Evening Post in 1932. Decker claimed to have known "Valfierno" and heard the story from him in 1913, promising not to print it until he learned of Valfierno's death. There is no external confirmation for this tale.
.....................................

Vincenzo Peruggia  วินเซ็นโซ่ เปอร์รุกเชีย


(October 8, 1881 – October 8, 1925) มีอายุอยู่ระหว่างวันที่แปดเดือนตุลา ปี 1881 ถึง วันที่แปดเดือนตุลา 1925 
was an Italian thief, เป็นขโมยชาวอิตาลี่
most famous มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด
for stealing ในเรื่องขโมย
the Mona Lisa ภาพเขียนโมนาลิซ่า
on 21 August 1911. ในวันที่ 21 เดือนสิงหาคม 1911 
Born in Dumenza, Varese, เกิดที่ ดูเมนซ่า วาเรส
Italy, อิตาลี่ 
he died เขาตาย
 in Saint-Maur-des-Fossés, ที่เมือง ซังมอ ดี ฟอเซ่
 France. ประเทศฝรั่งเศส 
Theft  ผลงานการขโมย ( นี่คือตัวอย่างของการวางยาเรื่อง กิริยาสามช่อง thief ตี๊ฟ คือขโมย ส่วน  theft เต๊ฟ แปลว่าการขโมย ไม่เกี่ยวกับ tense เทนส์ อะไรเลย ถ้าขืนเรียนกิริยาสามช่อง โอกาศที่เข้าใจภาษาอังกฤษไม่มีเลย เพราะมันไม่ใช่คําเดียวกัน มันคนละคํา คนละความหมาย ยกตัวอย่างเช่น go แปลว่าไปเฉยๆ  went ไปมาแล้ว  gone ไปแล้วไปลับ แปลว่าตายก็ได้ หายไปก็ได้  
        การเรียนภาษาอังกฤษ ต้องพูดได้อย่างถูกต้องก่อน เมื่อโตแล้วจึงค่อยเรียนไวยากรณ์ ถ้าเด็กไทยต้องเรียนไวยากรณ์ก่อนว่าคําใหนคือคําเป็นคําใหนคือคําตาย เหมือนว่าเอากับดักไปใส่ในสมอง.คิดว่าโตเป็นผู้ใหญ่ก็ยังคงพูดภาษาไทยไม่ได้  เหมือนภาษาอังกฤษ ..ปัญหามีอยู่ว่าจะทําอย่างไรเท่านั้น )
In 1911 ในปี 1911
Vincenzo Peruggia วินเซ็นโซ่ เปอร์รุกเกีย
perpetrated อ่านว่า เพอเพ็ตเตรเต๊ด แปลว่า ได้ก่ออาชญากรรมหรือ = committed crime
what has been described ที่เรียกได้ว่า 
as เป็น
the greatest มโหฬารพันลึกที่สุด
art theft ของการขโมยงานศิลป
 of the 20th century.แห่งศตวรรษที่ 20
 It was มันเป็น
a police theory รายงานทางทฤษฏีของตํารวจ
that the former ว่าอดีต
Louvre worker พนักงานของ 

พิพิธภัณฑ์ลู๊ฟ

 hid แอบซ่อน
 inside ใน พิพิธภัณฑ์
 on Sunday, ในวันอาทิตย์
August 20, 20 สิงหาคม
knowing that รู้อยู่ว่า
the museum พิพิธภัณฑ์
 would be closed จะต้องปิด
 the following day. ในวันต่อมาหรือวันรุ่งขึ้น
But according to แต่ว่าตามทาง
 Peruggia's interrogation สืบสวนสอบสวนเปอรฺรุกเกีย (ที่เปอร์รุกเกียให้การ )
in Florence ที่เมืองฟลอเร๊นซ์ 
after his arrest หลังจากที่เขาโดนจับ
  he entered เขาได้เข้าไปใน
the museum 

พิพิธภัณฑ์นี้

on Monday, ในวันจันทร์
August 21 ที่ 21 สิงหาคม
around 7 am ประมาณเจ็ดโมงเช้า
through the door โดยผ่านทางประตู
where ที่ซึ่ง
the other Louvre workers คนงาน

พิพิธภัณฑ์ลู๊ฟคนอื่นๆ

were entering. เข้าไปกัน
 He said เขาบอกว่า
he wore เขาใส่
one of the white ชุดขาว
 worker's smocks ที่คนงานใส่ทํางาน
smocks ดูรูป 


)
that museum employees customarily wore 
เป็นชุดเครื่องแบบของพนักงานพิพิธภัณฑ์แห่งนั้น

and และ
was indistinguishable ดูแล้วแยกไม่ออก
from the other workers. จากคนงานอื่นๆ
When เมื่อ 
the Salon Carré ซาลอน คาเร่ ดูรูป





where ที่ซึ่ง
the Mona Lisa hung ภาพโมนาลิซ่า แขวนอยู่
was empty, ไม่มีคนเหลืออยู่อีกแล้ว
he lifted off เขาก็ยก
the painting off ภาพเขียนออกจาก
the four iron pegs หมุดทั้งสี่
that secured it ที่ยึดภาพนี้
 to the wall ติดกับฝาผนัง
and took it และก็พาภาพ
to a nearby service staircase.ไปยังบันไดของพนักงานที่ใกล้ที่สุด
 There ที่นั่น
he removed the protective case and frame เขาถอดกล่องป้องกันภาพเขียน และกรอบออก
. Some people report that มีคนบางคนบอกว่า
 he concealed เขาซ่อน
the painting ภาพเขียนนี้
(which Leonardo painted on wood เป็นภาพเขียนที่ลีโอนาโด้ เขียนบนแผ่นไม้ ) 
under his smock. ในเสื้อชุดทํางานของเขา
 But Peruggia 
แต่ว่า เปอร์รุกเกีย 
was only 5'3" สูงเพียงแค่ ห้าฟุตสามนิ้วเท่านั้น
and the Mona Lisa ส่วนโมนาลิซ่า
measures approx.วัดคร่าวๆได้ประมาณ
 21" x 30", ยี่สิบเอ็ดนิ้วคูณสามสิบนิ้ว
so ด้วยเหตุนี้
it would not fit มันจะใส่เข้าไปไม่ได้
 under a smock ภายใต้เสื้อสม๊อค
worn by ที่สวมใส่โดย
someone the size of Peruggia. ใครก็ตามที่มีขนาดเท่ากับเปอร์รุกเกีย
Instead, แต่มันกลายเป็นว่า
he said that เขาบอกว่า
he took off his smock เขาถอดเสื้อสม๊อคออก
and wrapped it แล้วก็พันมัน
around the painting,รอบๆภาพเขียน
 tucked it ยัดมัน
under his arm ใต้รักแร้
and left the Louvre และก็ออกจากพิพิธภัณฑ์ลู๊ฟ
 through โดยผ่านทาง
the same door ประตูอันเดียวกัน
he entered. ที่เขาเข้าไป
Vincenzo วินเซ็นโซ่
hid ซ่อน
the painting ภาพเขียน
in his apartment ในอพาร์ตเม๊นต์ของเขา
 in Paris. ในปาร์รีส
 Supposedly, สมมุติว่า
when police arrived มีตํารวจมา
to search ค้น
his apartment อพาร์ตเม๊นต์ของเขา
and question him, แล้วก็สอบสวนเขา
 they accepted ตํารวจจะต้องยอมรับ
his alibi ประเด็นข้ออ้างต่างสถานที่
alibi แอไลบาย สู้คดี โดยอ้างว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ)
that ว่า
he had been working เขากําลังทํางาน
 at a different location ที่อื่น
on the day of the theft. ในวันที่มีการโจรกรรม
      After keeping the painting หลังจากเก็บภาพเขียน 
 hidden ซ่อนไว้
in a trunk ในหีบไม้
in his apartment ในอพาร์ตเม๊นต์ของเขา
for two years, เป็นเวลาสองปี
Peruggia เปอร์รุกเกีย
returned to Italy เดินทางกลับอิตาลี่
with it. พร้อมกับภาพเขียน
He kept it เขาเก็บมันไว้
in his apartment ในอพาร์เม๊นต์ของเขา
 in Florence ในเมืองฟลอเร๊นซ์
but แต่ทว่า
grew impatient เริ่มจะใจร้อนขึ้นเรื่อยๆ
and was finally และสุดท้าย
 caught ก็โดนจับ
when he contacted เมื่อเขาติดต่อกับ
Alfredo Geri, อันเฟรโด้ เกอรรี่
the owner of เจ้าของ
an art gallery อาร์ตแกลลอรี่ แห่งหนึ่ง
 in Florence,ในเมืองฟลอเร๊นซ์ 
 Italy. อิตาลี่ 
Geri's story เรื่องเล่าของเกอร์รี่
conflicts with ขัดแย้งกับ
 Peruggia's, ของเปอร์รุกเกีย
but แต่ว่า
it was clear that มันก็ยืนยันชัดแจ้งว่า
Peruggia เปอร์รุกเกีย
expected a reward หวังว่าจะได้รางวัล
 for returning the painting สําหรับการเอาภาพเขียนกลับ
 to what he regarded มายังที่ๆที่เขาถือว่า
as its มันคือ 
"homeland." แผ่นดินเกิด
Geri called in เกอรรี่ ได้แจ้งไปยัง
Giovanni Poggi, กิโอวานนี่ ป๊อกกี้
director of ผู้อํานวยการของ
the Uffizi Gallery, อัฟฟิซี่ แกลลอรี่
Uffizi Gallery เป็นพิพิธภัณฑ์ชื่อดังในเมืองฟลอเร๊นซ์ ) 
who ผู้ซึ่ง
authenticated ตรวจสอบและพิสูจน์รับรองของแท้
the painting. ของภาพเขียนนี้
 Poggi and Geri, ปํอกกี้ และเกอรรี่ 
after taking หลังจากพิสูจน์แล้วก็นํา
the painting for ภาพเขียนไปเพื่อ
"safekeeping," เก็บรักษาเพื่อความปลอดภัย
 informed the police, แจ้งตํารวจ
who arrested ผู้ซึ่งทําการจับกุม
Peruggia เปอร์รุกเกีย
at his hotel. ได้ทีโรงแรมที่เขาพักอาศัยอยู่
After its theft, หลังจากโดนโจรกรรมมา
the painting ภาพเขียนนี้
was exhibited ได้ถูกนําออกแสดง
 all over Italy ไปทั่วประเทศอิตาลี่
with banner headlines ติดป้ายใหญ่โต
 rejoicing เฮฮาปารตี้รื่นเริง
its return การกลับคืนสู่เหย้า
and then และหลังจากนั้นก็
returned to the Louvre กลับคืนสู่

พิพิธภัณฑ์ลู๊ฟ

in 1913. ในปี 1913
Peruggia เปอร์รุกเกีย
was released from jail ได้พ้นโทษออกมา
after a short time หลังจากติดคุกไม่นานนัก
and served และสมัครเข้าเป็น
in the Italian army ทหารในกองทัพบกอิตาลี่
during World War I. ระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
He later married หลังจากนั้นก็แต่งงาน
and had one daughter และก็มีลูกสาวคนหนึ่งชื่อ 
Celestina. เซเลสติน่า
He returned to France และก็กลับไปฝรั่งเศส
 and continued to work และก็ยังคงทํางาน
as a painter decorator เป็นช่างเขียนภาพตกแต่ง
 using his birth name ใช้ชื่อตอนแรกเกิด
 Pietro Peruggia. ปีโตร เปอร์รุกเกีย
He died เขาตาย
on October 8, 1925 เมื่อวันที่แปดเดือนตุลา1925
(his 44th birthday) ตอนอายุสี่สิบสี่ปี
 in the town
ในเมือง of Saint-Maur-des-Fossés, เซ๊นต์มอร์ ดิ ฟองเซ่
France. ประเทศฝรั่งเศส
 His death การตายของเขา
was not ไม่ได้
widely reported เป็นข่าวใหญ่อะไร
on by the media, บนหน้าหนังสือพิมพ์
with (มีแค่)ไปเกี่ยวกับ
obituaries ข่าวการตาย
appearing ที่ไปปรากฏ
 mistakenly only อย่างสับสนเพียงแค่
when เมื่อ
another Vincenzo Peruggia วินเซ็นโซ่ เปอร์รุกเกียอีกคนหนึ่ง
died ตาย
in Haute-Savoie ที่ อู๊ต ซาวัว
in 1947. ในปี 1947

Motivations แรงบันดาลใจหรือเหตุจูงใจ

There are currently ทุกวันนี้มี
 two predominant theories ทฤษฏี ที่แจ่มแจ้งแดงแจ๋สองเรื่อง
regarding ที่เกี่ยวกับ
the theft การโจรกรรม
 of the Mona Lisa. โมนาลิซ่า
Peruggia เปอร์รุกเกีย
said บอกว่า
he did it เขาทําไป
for a patriotic reason: ด้วยเหตุผลของความรักชาติ ( โกงแต่รักชาติ ขโมยเพื่อชาติ อิตาลี่คือชนชาติที่พลิกลิ้นเก่งเป็นอันดับสองของโลก)
 he wanted เขาต้องการ
to bring ที่จะนํา
the painting ภาพเขียนนั้น
back กลับคืนมา
for display in Italy  เพื่อเอามาตั้งแสดงในอิตาลี่
"after 
หลังจาก
it was stolen มันถูกขโมยไป
by Napoleon". โดยนโปเลียน
Although แม้ว่า
perhaps sincere บางทีอาจจะจริงใจ
 in his motive, ในแรงบันดาลใจของเขา
 Vincenzo วินเซ็นโซ่
 may not have known that น่าจะไม่รู้ว่า
 Leonardo da Vinci ลีโอนาโด้ ดาวินซี
took this painting ได้นําภาพเขียนของเขา
as a gift for ไปมอบเป็นของขวัญสําหรับ
Francis I พระเจ้าฟรานซิสที่หนึ่ง
when he moved to เมื่อเขาย้ายไป
France ฝรั่งเศส
to become a painter ไปเป็นช่างเขียนภาพ
in his court ในราชสํานักของพระเจ้าฟรานซิสที่หนึ่ง 
during ระหว่าง 
the 16th century, ศตวรรษที่สิบหก
250 years สองร้อยห้าสิบปี
before ก่อน
Napoleon's birth. นโปเลียนเกิด
Experts ผู้เชี่ยวชาญ
have also questioned ได้ตั้งคําถามด้วยเหมือนกันว่า
the "patriotism" motive แรงบันดาลใจเกี่ยวกับความรักชาติ (จนนํ้าลายใหล )
on the grounds บนพื้นฐาน
 that —were patriotism ที่ว่าเป็นความรักชาติ
the true motive อันเป็นแรงบันดาลใจของจริง
—Peruggia เปอร์รุกเกีย
would have จะต้อง
donated บริจาค
the painting ภาพเขียนนั้น
to ให้กับ
an Italian museum, พิพิธภัณฑ์แห่งใดแห่งหนึ่งในอิตาลี่
 rather than แทนที่จะ
attempt พยายาม
to profit หากําไร
from its sale. จากการขายมัน
 The question คําถาม
of money เกี่ยวกับเรื่องเงิน
is also confirmed ได้ถูกยืนยันด้วยเหมือนกัน
by letters โดยจดหมาย
that Peruggia ที่เปอร์รุกเกีย
sent to ส่งไปให้
 his father พ่อของเขา
after the theft. หลังจากทําการโจรกรรมแล้ว
 On December 22, 1911, ในวันที่ 22, ธันวาคม ปี 1911
 four months สี่เดือน
after the theft, หลังจากโจรกรรม
he wrote that เขาเขียนว่า
Paris was where กรุงปารีสคือที่ซึ่ง
 "I will make my fortune จะทําให้ผมรํ่ารวย
and that และนั่น
his (fortune) ความรํ่ารวยของเขา
will arrive in one shot." จะมาจากการเสี่ยงเพียงครั้งเดียว
 The following year (1912), ปีต่อมา(1912)
he wrote เขาเขียน( จดหมาย)
"I am making a vow ผมให้สัญญา
 for you to live long กับคุณพ่อว่าขอให้มีอายุยืนยาว
and และ 
enjoy the prize และมีความสุขกับรางวัลชีวิต
 that ที่
your son ลูกชายของพ่อ
 is about to ที่กําลังจะ
 realize ทําให้มันเป็นจริง
for you สําหรับพ่อ
and for all our family." และสําหรับครอบครัวเราทุกคน
Put on trial, โดนส่งขึ้นศาล
the court ศาล
agreed ยอมรับ
to some extent อย่างใจดีเหลือหลาย
agreed to some extent วลีนี้ ใช้กันมาก หมายความว่า การยอมรับแบบง่ายๆ เรื่องที่ไม่น่าเชื่อก็เชื่อ ประมาณนั้น )
 that ว่า
Peruggia เปอร์รุกเกีย
committed his crime ก่ออาชญากรรมของเขา
 for patriotic reasons ด้วยเหตุผลของความรักชาติ 
and gave him a lenient sentence. แล้วก็ตัดสินลงโทษแบบแผ่วเบา
(lenient sentence ลีเนี่ยน เซนเทนส์ แปลว่าลงโทษแบบเบาๆ)

 He was sent to jail เขาถูกส่งเข้าคุก
for one year หนึ่งปี
and fifteen days,กับสิบห้าวัน
 but แต่ว่า
was hailed ได้รับการยกย่องว่า
as a great patriot เป็นผู้รักชาติที่ยิ่งใหญ่
 in Italy 
ในอิตาลี่ 
and served และก็ติด
 only เพียงแค่
seven months เจ็ดเดือน
 in jail.ในคุก
Another theory ทฤษฏีอื่น
emerged later.ที่เกิดขึ้นตามมา
 The theft การโจรกรรม
may have been น่าจะเกิดจาก
encouraged การสนับสนุนยุยง
or masterminded หรือวางแผน
by Eduardo de Valfierno, โดย อาควาโด้ เดอร์ วาลฟีโน่
a con-man นักต้มตุ๋น
who ผู้ซึ่ง
had commissioned ได้จ่ายเงินส่วนแบ่งให้
 the French art forger นักปลอมแปลงงานศิลป
 Yves Chaudron  เหยี่ย ชอลดรอน หรือ ยิบ ชอลดรอนในสําเนียงอเมริกัน 
to make copies of the painting ให้ทําภาพของปลอมขึ้นมาแยะๆ

so he could sell them เพื่อที่เขาจะได้ขายมัน
as the missing original.ว่าเป็นของแท้ที่หายไป 
The copies ของปลอมลอกเลียนแบบ
would have จะ
gone up in value มีราคาสูงขึ้น
if ถ้าหาก
the original ของแท้
was stolen. ได้ถูกขโมยไป
This theory ทฤษฏีนี้
is based entirely คือทฤษฏีที่มีพื้นฐานทั้งหมดมาจาก
on an article เรื่องราวที่เขียนขึ้น
 by โดย
former Hearst journalist อดีตนักเขียนของนิตยสาร เฮิ๊สท์
 Karl Decker ชื่อคาร์ล เด๊คเกอร์
in ใน
The Saturday Evening Post ในหนังสือพิมพ์ Saturday Evening Post
in 1932. ในปี 1932
Decker เด๊กเกอร์
claimed ยืนยันว่า
to have known รู้จักกับ
"Valfierno" วาลฟรีโน่
and heard และได้ยิน
the story เรื่องราว
from him จากเขา
in 1913, ในปี 1913
promising โดยให้สัญญาว่า
not to print it จะไม่พิมพ์เผยแพร่มัน
 until จนกว่า
he learned เขารู้ข่าว
of Valfierno's death. การตายของวาลฟรีโน่
 There is no ไม่ปรากฏว่ามี
 external confirmation การยืนยันตรวจสอบว่าจริงจากคนอื่น
for this tale.สําหรับเรื่องนี้
.....................................