Thursday, 23 April 2015

บัลลังก์สวรรค์


Heavenly throne


A DRUNK staggered into a Catholic church during confession time. He entered the booth, sat down and said nothing.
                 Smelling alcohol fumes but hearing nothing from the man on the other
side of the screen, the priest tried
to attract the fellow’s attention.
               “Ahem, ahem,” he cleared his throat.
Still the man remained silent.
Eventually, the priest grew tired
of waiting and knocked loudly on
the panel between them.
                 It was then that the drunk spoke up. “No use knocking, mate. There’s no loo paper in this one, either!
.....................................................................

 

Heavenly throne

บัลลังก์สวรรค์ (  throne โทรน แปลว่าบัลลังก์ heavenly  แปลว่าเหมือนสวรรค์)


A drunk ขี้เมาคนหนึ่ง

staggered into เดินตุปัดตุเป๋เข้าไปใน

 (staggered หรือ staggering สแต๊กเกอร์เร็ด หรือ สแต๊กเกอร์ริ่ง  แปลว่า เดินแบบทุลักทุเล ประเภทเดินหน้าสองก้าว ถอยหลังสามก้าวปานนั้น )

 a Catholic church โบสถ์แคโธลิก

during confession time. จังหวะ หรืออีตอน ที่เค้ากำลังมีการสารภาพบาป

 He entered the booth, แกก็เข้าไปในช่องสารภาพบาป ( booth เหมือนกับบู๊ธเลือกตั้ง)

 sat down  นั่งลง

 and said nothing. แล้วก็ไม่พูดไม่จาอะไร
                 Smelling
ได้กลิ่น

alcohol เหล้า

fumes ฟุ้งกระจาย

but hearing nothing แต่ก็ไม่มีได้ยินเสียงอะไร

from the man จากคน

on the other side ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง
of the screen,
ที่มีตาข่ายกั้นไว้

the priest หลวงพ่อ

tried to attract พยายามเชิญชวน

the fellow’s attention. ให้เขาสนใจ ( ว่ารออยู่นะ)
               “Ahem, ahem,”
ฮะแอ้ม..ฮะแอ้ม

he cleared his throat. หลวงพ่อ เคลียร์เสลดในลำคอ
Still the man
แต่ขีเมาคนนั้นก็ยังคง

remained silent...เงียบเหมือนเดิม
Eventually,
จนในที่สุด

 the priest หลวงพ่อ

grew tired เบื่อมากแล้ว
of waiting
ที่จะรอ

and knocked แล้วก็เคาะ

loudly อย่างดังๆ

on the panel ไปที่ข้างฝา

between them. ที่กั้นสองฝั่งนั้น
                 It was then
นั่นแหละ

 that the drunk ที่ไอ้ขี้เมา

spoke up. ถึงได้พูดขึ้น

“No use knocking, เคาะไปก็ไม่มีประโยชน์ ( No use  โนยู๊ส แปลว่าไม่มีประโยชน์ )

 mate. เพื่อนเอ๊ย

There’s no loo paper นี่ก็ไม่มีกระดาษเช็ดตูด

in this one, ในห้องนี้

either! เหมือนกัน (either = same ๆ)
.....................................................................

 

 

 

 

Tuesday, 14 April 2015

รูปถ่าย


Picture perfect
A man gets a knock at his front door. He opens up to two cops, one of whom inquires if he’s married before asking to see a picture of his wife.
“No worries!” he says, pulling a photo out of his wallet.
The same policeman looks carefully at the picture, then his colleague before turning back to the man to say, “I’m sorry, sir...but we have to inform you that your wife has been hit by a truck.”
The man laughs, “I know...but she’s a great laugh, cooks me dinner and lets me go to the pub on Friday nights!”
..................................................................

Picture perfect แปลว่า รูปถ่ายบอกได้อย่างดี

 คำๆนี้เคยเป็นชื่อหนัง  Picture Perfect (1997) ที่ Jennifer Aniston เล่น คนเขียนเอามาตั้งขื่อนี้ ล้อเลียน


A man ไอ้หนุ่มคนหนึ่ง

 gets a knock มีคนเคาะ

at his front door. ประตูหน้าบ้านเขา

 He opens up เขาเปิดประตูออกมา

 to two cops,ก็เจอเข้ากับตำรวจสองคน

 one of whom หนึ่งในสองคนนั้น

inquires ก็ถามว่า

 if he’s married เขาแต่งงานหรือยัง

 before asking ก่อนที่จะขอ

 to see a picture ดูภาพ

 of his wife. ภรรยาของเค้า
“No worries!” ไม่เป็นไรครับ

he says, เขาบอก

 pulling a photo ดึงเอารูปใบหนึ่ง

out of his wallet. ออกมาจากกระเป๋าสตางค์
The same policeman ตำรวจคนเดิมนั่นแหละ

 looks carefully มองแบบพิจาณารอบคอบ

 at the picture, ไปที่ภาพนั้น

then จากนั้น

his colleague before เพื่อนของเขาที่ยืนอยู่ข้างหน้า

turning back ก็เงยหน้า

to the man ไปที่ชายคนนั้น

to say, เพื่อบอกว่า

 “I’m sorry, sir...ผมต้องขอโทษคุณ

but แต่ว่า

we have to inform you เราต้องขอบอกกับคุณ

that ว่า

your wife has been hit by a truck.” เมียคุณโดนรถบันทุกชน
The man laughs, ไอ้หนุ่มหัวเราะก๊าก

“I know... ผมรู้ๆ

but she’s a great laugh, แต่ว่า เห็นเธอทีไร ต้องหัวเราะขี้แตกขี้แตน (great laugh ตรงกับภาษาไทยว่าหัวเราะขี้แตกขี้แตนหรือหัวเราะฟันหักทำนองนั้น)

cooks me dinner เธอทำอาหารเย็นให้ผมกิน

 

and lets me go แถมยังอนุญาตให้ผมไป

to the pub ที่ผับ

on Friday nights!” คืนวันศุกร์ด้วย
..................................................................

 

             การที่จะขำเรื่องนี้ เราต้องเข้าใจศัพท์สองคำเสียก่อน คือ metaphor    เม๊ตตาฟอร์ ที่แปลว่าอุปมาอุปมัย และ literally ลิ๊ตเตอรัลลี่ ที่แปลว่าจริงๆนะ หรือเรื่องจริง

your wife has been hit by a truck ถ้าเป็น เม๊ตตาฟอร์ก็หมายความว่า เมียคุณหน้าตาน่าเกลียดมาก น่าเกลียด นี่ วัดระดับได้ตั้งแต่โดนรถจักยานชน รถเก๋งชน ยันไปถึงโดนรถบันทุกชน

ถ้าเป็น literally ก็แปลว่า เมียคุณเกิดอุบัติเหตุโดนรถบันทุกชนจริงๆ  literally = really = actually  ตรงกันข้ามกับ metaphor 

 

Friday, 10 April 2015

เกาเหลา


โจ๊กเรื่องต่อไปนี้ ผมวางไว้ตอนอี๊สเตอร์ แต่ก็บังเอิญติดงาน ตอนนี้ก็สายไปนิดหน่อย แต่ว่า  คนที่จะอ่านต้องรู้เรื่องนี้ก่อน

What does a rabbit have to do with Easter?

Answer: There are several variations of the story of the origins of the Easter Rabbit or the Easter Bunny, or perhaps more correctly, the Easter Hare. The hare was  associated with the Pagan festival celebrating the goddess Eostre (also known as Eastre or Ostara), from which the word Easter is derived. Eostre's earthly symbol was the hare or rabbit. The hare is also symbolically associated with the moon.

...............................................................................................................

Easter คือวันที่พระเยซู ฟื้นขึ้นมาจากความตาย จากการที่โดนทหารโรมันจับตรึงไม้กางเขนจนตาย แล้วก็ให้ญาติเอาไปฝังในถ้า ปรากฏว่าสามวันก็หาศพไม่เจอ แต่มีทูตสวรค์ มาบอกว่า ท่านฟื้นแล้ว ตอนนี้เดินทางไป กาลิลี่ ศานุศิษย์ ไปรอเจอที่นั่นได้ เรื่องนี้ คนพอรู้กัน แต่เรื่องที่ไม่เข้าใจคือ กระต่ายมาเกี่ยวอะไรด้วย ทั้งๆที่วันนั้น วันที่พระเยซู ฟื้นขึ้นมา กระต่ายก็ไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ  ก็เลยถามมา

 

What does a rabbit อะไร คือสาเหตุที่กระต่าย

 have to do มาเกี่ยวข้อง

with Easter? กับอีสเตอร์

Answer: คำตอบ

 There are รู้สึกว่าจะมี

several variations of the story เรื่องที่คนเล่าขานกันไปต่างๆนาๆสองสามเรื่อง ( variations ตรงกับภาษาไทยว่าต่างๆนาๆ )

 of the origins  ถึงที่มา

of the Easter Rabbit ของกระต่ายอี๊สเตอร์

or the Easter Bunny, หรือ อิสเตอร์ บันนี่ (Bunny เป็นภาษาเด็กที่เรียกกระต่าย แต่สำหรับผู้ใหญ่ ใช้เรียกสาวๆ ที่แต่งตัว เหมือนกระต่ายเซ๊กซี่ เห็นแล้ว เนื้อแข็งเป็นกระดูก แบบในนิตยสารเพลย์บอย  )

 or perhaps หรือจะว่ากันไปแล้ว

more correctly, ที่ถูกต้องกว่า

the Easter Hare. คือ อิ๊สเตอร์ แฮร์ (Hare คือสัตว์เหมือนกระต่ายแต่ตัวใหญ่กว่ากระต่ายมาก)

The hare was ไอ้แฮร์ หรือกระต่ายตัวใหญ่เนี๊ยะ

associated มีส่วนเกี่ยวข้อง

with the Pagan festival กับ อีเว้นต์ ของพวก ปาก้าน (Pagan คือพวกนับถือเทวดาสารพัด ต้นม๊งต้นไม้เจอใหว้หมด สมัยนั้นก็เริ่มนับถือคริสต์บ้างเล็กน้อย แต่หนักไปทางเทวดา )  (festival = event หรือ งานเฉลิมฉลองที่จัดเป็นครั้งคราว )

 celebrating เฉลิมพระเกียรติ

the goddess Eostre  เจ้าแม่ อี๊สเตอร์ ( ออกเสียงอี๊สเตอร์)

(also known as Eastre or Ostara), แล้วก็ยังรู้กันว่า เป็นคนๆเดียวกับ อี๊สเตอร์ หรือ อ๊อสตาร่า)

from which ต้นตอ

the word Easter ของคำว่าอี๊สเตอร์

 is derived. มาจากนี่

Eostre's earthly symbol สัญลักษณ์ของ เจ้าแม่ อิ๊สเตอร์ ในทางโลก

was the hare or rabbit. คือแฮร์ หรือ กระต่าย

 The hare  เจ้าแฮร์นี่

 is also ยังเป็น

symbolically associated สัญลักษณ์ เกี่ยวพันกัน

with the moon.  กับดวงจันทร์

..................................................................

 

 WIFE STRIFE  
             A man and his ever-nagging wife went on vacation to
Jerusalem. While they were there, the wife passed away. The undertaker told the husband, “You can have her shipped home for $5000, or
you can bury her here for $150.”

             The man thought about it and told him he would just have her shipped home.
                 The undertaker asked, “Why would you spend $5000 to ship your wife home, when it would be wonderful to be buried here and you would spend only $150?”
                          The man replied, “Long time ago a man died here, was buried here, and three days later he rose from the dead.

 I just can’t take that chance.”

.........................................................................


WIFE STRIFE  
เกาเหลากับเมีย (STRIFE แปลว่าไม่ลงรอยกันหรือไม่กินเส้นกัน)
             A man
กระทาชายนายหนึ่ง

 and his ever-nagging wife พร้อมกับศรีภรรยาที่สุดยอดงี่เง่า (ever-nagging แปลว่าสุดยอดงี่เง่า)

 went on vacation ไปพักร้อน

 to Jerusalem. ที่เยรูซาเร็ม

 

While they were there, ตอนที่อยู่กันที่นั่น

 the wife passed away. เมียก็ตาย ( passed away แปลว่าไปแล้วไปลับ เหมือนกับที่สัปเหร่อเขียนกันตามป่าช้าในเมืองไทย )

The undertaker สัปเหร่อ

 told the husband, บอกกับสามีว่า

“You can have her คุณสามารถที่จะเอาเธอ

shipped home ส่งกลับบ้านได้ (น่าจะเป็น ใส่ตู้คอนเทนเน่อร์ลงเรือ)

for $5000, ในราคา ห้าพันเหรียญ

or you can หรือว่าคุณสามารถที่จะ

 bury her here ฝังเธอที่นี่

for $150.” แค่ร้อยห้าสิบเหรียญ

             The man thought about it  กระทาชายนายคนนี้ ก็ใช้สมองครุ่นคิด

and told him และแล้วก็บอกสัปเหร่อว่า

he would just have her เขาต้องการส่งเธอ

shipped home. ลงเรือกลับบ้าน
                 The undertaker asked,
สัปเหร่อถามว่า

 “Why would you ทำใมคุณต้อง

spend $5000  ใช้เงินห้าพันบาท

to ship your wife home, ส่งเมียคุณกลับบ้าน

when it would be ในเมื่อมัน

wonderful  แจ๋วกว่า

to be buried here ที่จะฝังที่นี่

and you would spend แล้วก็ใช้เงิน

only $150?” แค่ร้อยห้าสิบเหรียญ
                          The man replied,
ชายคนนั้นตอบว่า

“Long time ago เรื่องมันนานมาแล้ว

 a man died here, มีชายคนหนึ่งตายที่นี่

was buried here, แล้วก็ฝังที่นี่

and three days later แล้วก็สามวันต่อมา

 he rose เขาก็ฟื้น

from the dead. จากความตาย

 I just can’t take that chance.” ผมเพียงแค่ไม่อยากเสี่ยงเท่านั้น

.........................................................................